อนาคตของการผลิต: 5 แนวโน้มที่สำคัญในปี 2024

การผลิต

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ได้เปลี่ยนแปลงการผลิตทั่วโลกในหลายปีที่ผ่านมา ในระหว่างนั้น นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมได้สำรวจแนวคิดต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งรวมถึง Internet of Things ในอุตสาหกรรมโรงงานอัจริยะ (Smart Factory) เพื่อช่วยกำหนดแนวทางมากมายที่จะนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต

ในขณะเดียวกัน “Advanced Manufacturing Industry” (การผลิตขั้นสูง) ยังครอบคลุมถึงการพัฒนาส่วนเสริมมากมายในด้านอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงผลิตภัณฑ์และกระบวนการที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง การผลิตที่สะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังรวมเอาความสำคัญของบุคลากรที่มีประสิทธิภาพสูงในการสร้างระบบการผลิตที่คล่องตัว ทำให้มีความยืดหยุ่นระหว่างการผลิตสินค้าในปริมาณมากกับการผลิตตามสั่งเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า  หากพิจารณาถึงปี 2024 Carl Haycock ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการสหราชอาณาจักรของ Domino Printing Sciences ได้พิจารณาการเปลี่ยนแปลงและระบุแนวโน้มหลัก 5 ประการที่ต้องติดตามในปีนี้

Digital tools for optimisation (เครื่องมือดิจิทัลสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพ ) 

เครื่องมือดิจิทัล การประมวลผลแบบคลาวด์และระบบอัตโนมัติ ถูกนำมาใช้มากขึ้นเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์และการเพิ่มประสิทธิภาพของโรงงานผลิต เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดของเสีย และเพิ่มความยืดหยุ่น ในความเป็นจริงแล้วการกำหนดเป้าหมายเฉพาะด้านของกระบวนการผลิตของโรงงานขนาดเล็กโดยใช้เครื่องมือดิจิทัลที่เข้าถึงได้ง่าย ปัญหาการผลิตที่พบได้บ่อยและมีค่าใช้จ่ายสูงสามารถแก้ไขได้ง่ายซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยรวม

ตัวอย่างเช่น การเพิ่มโซลูชั่นการเข้ารหัสอัตโนมัติและระบบการตรวจสอบด้วยภาพช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถปรับปรุงการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น จำกัดการป้อนข้อมูลด้วยตนเอง ปรับการควบคุมคุณภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการเข้าถึงรหัสให้เหมาะสม และปรับปรุงการรายงานต่างๆ ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกในการได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผลิต กระบวนการและความเข้าใจที่ดีขึ้นในสายการผลิต ซึ่งนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ดียิ่งขึ้นขึ้นในอนาคต

Automation for manufacturing resilience (ระบบอัตโนมัติเพื่อความยืดหยุ่นในการผลิต)

เราได้เห็นความผันผวนอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยผู้ผลิตพยายามที่จะรักษาประสิทธิภาพการผลิตในขณะที่ต้องเผชิญกับอัตรากำไรลดลง และผู้บริโภครู้สึกกดดันจากราคาที่เพิ่มขึ้นและระยะเวลารอสินค้าที่นานขึ้น ในสภาวะเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเครื่องมืออัตโนมัติมีคุณค่ามากขึ้นในการช่วยให้ผู้ผลิตเพิ่มความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงานให้กับกระบวนการผลิต  ตั้งแต่การจัดการ การขาดแคลนแรงงาน ทักษะ และปรับใช้กับพนักงานที่มีอยู่ในการปรับปรุงงานเพื่อเพิ่มมูลค่า ไปจนถึงการลดต้นทุนการดำเนินงานและขจัดข้อผิดพลาด ระบบอัตโนมัติมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจต่อสู้กับความท้าทายมากมายที่อุตสาหกรรมการผลิตต้องเผชิญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

มีหลักฐานว่าการลงทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องอาจเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างมากต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในอนาคต ในความเป็นจริงการวิจัยของ Bain Corporation แสดงให้เห็นว่าธุรกิจมีกำไรและขาดทุนมากขึ้นในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่มีเวลาที่มั่นคง  ซึ่งเน้นว่าการลงทุนในระบบอัตโนมัติถือเป็นลำดับความสำคัญหลักสำหรับธุรกิจ เมื่อต้องปรับกลยุทธ์เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอ

Scalability and sustainability through collaboration (ความยืดหยุ่นและความยั่งยืนผ่านการทํางานร่วมกัน)

หนึ่งในความท้าทายระดับโลกที่สำคัญประการหนึ่งที่การผลิตขั้นสูงพยายามแก้ไขคือความยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเติบโตและความก้าวหน้านั้นมีความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เส้นทางสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเกี่ยวข้องกับการจัดการกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจำเป็นต้องมีการประสานงานและความร่วมมือจากผู้มีส่วนร่วมต่างๆ  เพื่อให้มั่นใจว่าการเติบโตและนวัตกรรมในด้านใดด้านหนึ่งจะไม่ส่งผลกระทบเชิงลบที่คาดไม่ถึงต่อพื้นที่อื่นๆ

ตัวอย่างเช่น การพัฒนาโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากห่วงโซ่ทั้งหมด ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์ ซัพพลายเออร์ด้านการเข้ารหัสและการทำเครื่องหมาย ไปจนถึงผู้ค้าปลีก ผู้ใช้ปลายทาง และบริษัทขยะและการรีไซเคิล ระบบเหล่านี้จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การจัดการและเทคโนโลยี ความร่วมมือระหว่างแบรนด์ ผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์ ผู้ค้าปลีก และพันธมิตรทางเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญในทุกสถานการณ์

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเนื่องจาก บริษัทต่างๆกำลังมองหาการพัฒนาระบบและโซลูชันใหม่ๆมากขึ้น เพื่อความยั่งยืน การทำงานร่วมกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งนวัตกรรมแบบเปิด คือ การแบ่งปันและการรับข้อมูลและการทำงานร่วมกับแผนกบุคคลฝ่ายต่างๆ และสถาบันที่ขับเคลื่อนความก้าวหน้าจะช่วยให้แน่ใจว่าธุรกิจสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคน

Human-automation interaction (ปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับระบบอัตโนมัติ)

ในหนังสือเรื่อง The Fourth Industrial Revolution (การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4)  ของศาสตราจารย์คาร์ล ชวาบ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของ World Economic Forum เรียกร้องให้ผู้นำและพลเมืองทำงานร่วมกันเพื่อ “กำหนดอนาคตที่เหมาะกับทุกคนโดยให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก เสริมศักยภาพแต่ละบุคคล  และเตือนตัวเองอย่างต่อเนื่องว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้เป็นเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นอันดับแรก”

การสนทนาเกี่ยวกับ AI ในปัจจุบันทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการทดแทนแรงงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ในทุกช่วงเวลาของการเจริญเติบโตของมวลมนุษย์ นับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก อย่างไรก็ตามธุรกิจต่างๆ ควรเตรียมตัวสำหรับการมีปฏิสัมพันธ์ที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างแรงงานคนและเครื่องมือดิจิทัล

AI จะช่วยให้พนักงานมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมที่มีประโยชน์และมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า รวมถึงการออกแบบและการจัดการงาน การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์จะเป็นอนาคตของการผลิต โดยผลการศึกษาของ MIT ในปี 2559 พบว่าทีมที่ประกอบด้วยมนุษย์และหุ่นยนต์อาจมีผลผลิตสูงกว่ากลุ่มที่ประกอบด้วยมนุษย์หรือหุ่นยนต์เพียงอย่างเดียวถึง  85% การเตรียมบุคลากรสำหรับ AI จะเป็นกระบวนการต่อเนื่อง เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น ธุรกิจจะต้องลงทุนในการเรียนรู้และการพัฒนาเพื่อให้พนักงานมีทักษะและความรู้ที่จำเป็นต่อการพัฒนาตลอดเวลา

Predictive mindset approach (แนวทางความคิดเชิงคาดการณ์)

อุตสาหกรรมกำลังเดินทางสู่การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล ระบบอัตโนมัติ และโซลูชันอัจฉริยะ ช่างเทคนิคและวิศวกรด้านการบริการและการบำรุงรักษาในปัจจุบันก็เช่นกัน คนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานด้านการผลิตมาโดยตลอด เมื่อเครื่องจักรทำงานผิดปกติหรือเกิดปัญหาซึ่งทำให้การผลิตหยุดชะงัก วิศวกรฝ่ายบริการหรือวิศวกรซ่อมบำรุงมักจะเป็นผู้ดำเนินการซ่อมแซม และแก้ไขปัญหาเพื่อให้ระบบกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง 

อย่างไรก็ตาม รูปแบบการบริการและการสนับสนุนแบบ”เสียหายแล้วจึงแก้ไข” แบบดั้งเดิมนี้ไม่ตรงตามข้อกำหนดด้านการผลิตสมัยใหม่ เวลาในการผลิตเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าการบริการลูกค้าจะได้รับการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการลงทุนสินค้าส่วนเกินในคลังและของเสียในรูปแบบอื่นๆ น้อยที่สุด การเตรียมความพร้อมสามารถทำได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในการบริการและการสนับสนุน โดยมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบสถานะการออนไลน์ที่คาดการณ์ได้และการปรับปรุงคุณภาพเชิงรุก 

วิศวกรบริการในอนาคตจะมีทักษะที่หลากหลายเพื่อเพิ่มความสามารถในการให้คำปรึกษาทางไกล ความรู้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและความเข้าใจในความรู้ทางเทคนิคและทักษะการโต้ตอบแบบตัวต่อตัว วิศวกรบริการข้อมูลแบบใหม่นี้จะสามารถระบุและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องจักรได้ก่อนเกิดปัญหาในสายการผลิต และก่อนที่ผู้ผลิตจะรู้ว่ามีปัญหา

สรุป

ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา เราได้เห็นวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วของสายการผลิตที่เร่งตัวขึ้นจากสถานการณ์ที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์  และการมุ่งเน้นความยั่งยืนทั่วโลก

ในสภาพแวดล้อมการผลิตขั้นสูงใหม่นี้ เครื่องมือดิจิทัล ตั้งแต่การเขียนโค้ดอัตโนมัติและระบบตรวจสอบด้วยภาพอัตโนมัติ ไปจนถึงการมองเห็นข้อมูลและระบบตรวจสอบระยะไกลบนคลาวด์ ล้วนสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพสายการผลิตและความยืดหยุ่นทางธุรกิจ สนับสนุนการขับเคลื่อนสู่โซลูชันที่ยั่งยืน และใช้งานบุคลากรรุ่นใหม่ พร้อมทักษะที่ได้รับการสนับสนุนและปรับปรุงด้วยระบบอัตโนมัติ สิ่งเหล่านี้คือแนวโน้มของวันนี้ที่จะกำหนดรูปแบบอุตสาหกรรมการผลิตในอนาคต

ที่มาข้อมูล : The future of manufacturing: 5 key trends for 2024

Scroll to Top