องค์ประกอบ DIMENSION ที่ส่งผลกระทบต่อการวางแผนการวัดด้วย CMM

CMM-Dimension

“ประเภทของขนาดและรูปแบบของขนาด” (Dimension) ในการออกแบบชิ้นงาน  มีความสำคัญ คือเข้าใจถึงสิ่งที่แบบงานต้องการควบคุม สามารถกำหนดจุดวัด, วิธีการวัดได้

เมื่อบทความที่แล้ว เราได้กล่าวถึงสัญลักษณ์ GD&T ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ (Symbol) ควบคุมมาตรฐานชิ้นงาน ที่มีความสำคัญในกระบวนการตรวจสอบ การอ่านค่าในแบบงาน (Drawing) และการแปลความหมายได้อย่างถูกต้อง เพื่อเป็นการลดความผิดพลาดที่เกิดจากการวัดชิ้นงานตามแบบ ที่ผู้ผลิตจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในการกำหนดเครื่องมือวัด (Measuring Tools) สำหรับแบบงาน (Drawing) และการแปลความหมายสัญลักษณ์ที่ใช้ในการควบคุมมาตรฐานชิ้นงาน (GD&T) ได้อย่างถูกต้องแล้ว ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงอีกประเด็นที่น่าสนใจต่อมาในส่วนของ “องค์ประกอบที่ส่งผลกระทบต่อ การวางแผนการวัดด้วย CMM” นั่นก็คือ “ประเภทของขนาดและรูปแบบของขนาด” ในการออกแบบชิ้นงาน

ประเภทของขนาด (Dimension Types)

  1. ขนาดกําหนดระยะห่าง (Linear Dimension) ใช้กําหนดระยะห่างระหว่างพื้นผิว
  2. ขนาดกําหนดตําแหน่ง (Location Dimension) ใช้กําหนดตําแหน่งของระนาบกลาง แกนกลางหรือจุดกึ่งกลาง
  3. ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง (Diameter) ใช้กําหนดระยะห่างระหว่างพื้นผิวด้านหนึ่งไปยังพื้นผิวอีกด้านหนึ่งของชิ้นงานที่มีลักษณะเป็นทรงกลม ทรงกระบอก วงกลมหรือทรงกรวย
  4. ขนาดรัศมี (Radius) ใช้กําหนดระยะห่างของจุดอ้างอิงไปยังพื้นผิว
  5. ขนาดลบมุมโค้งด้านนอก (External Corner or Fillet) เป็นขนาดของส่วนโค้งสัมผัส (Tangent Curve) ด้านนอกระหว่างพื้นผิว 2 พื้นผิว
  6. ขนาดลบมุมโค้งด้านใน (Internal Corner or Control Radius) เป็นขนาดของส่วนโค้งสัมผัส
  7. ขนาดลบมุมแบบตัดตรง (Chamfer) เป็นขนาดของการตัดขอบเป็นแนวตรงระหว่างพื้นผิว 2 พื้นผิว
  8. ขนาดกําหนดมุม (Angular Dimension) ใช้กําหนดมุมระหว่างพื้นผิว 2 พื้นผิว

รูปแบบของขนาด (Dimension Characteristics)

  1. ขนาดตั้งต้นในการออกแบบ (Nominal Dimension) เป็นขนาดที่ใช้กําหนดระยะห่างตําแหน่งเส้นผ่านศูนย์กลาง รัศมีหรือมุมที่ผู้ออกแบบใช้ในการเริ่มต้นออกแบบ
  2. ขนาดที่มีการกําหนดค่าพิกัดความคลาดเคลื่อน ( Defined Tolerance Dimension) เป็นขนาดที่ผู้ออกแบบกําหนดขอบเขตมากที่สุดหรือน้อยที่สุดที่สามารถยอมรับได้
  3. ค่าพิกัดงานสวม (Standard Tolerance / Fitting Tolerance) เป็นขนาดที่มีการระบุค่าพิกัดความคลาดเคลื่อนตามมาตรฐาน ซึ่งจะใช้ในกรณีที่ผู้ออกแบบต้องการออกแบบชิ้นส่วน 2 ชิ้นมาสวมประกอบเข้าด้วยกัน
  4. ขนาดอ้างอิง (Reference Dimension) เป็นขนาดที่มีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการอ้างอิงเท่านั้น ซึ่งผู้ปฏิบัติงานไม่จําเป็นต้องวิเคราะห์ค่าพิกัดความเคลื่อนของขนาดอ้างอิง
  5. ขนาดในอุดมคติ (Basic Dimension) เป็นขนาดที่ใช้ในการกําหนดระยะหรือตําแหน่งที่ต้องการตามทฤษฎี

ข้อสังเกต: ประเภทของขนาดและรูปแบบของขนาดที่คนมักเข้าใจผิดๆ 

  • “Linear Dimension”  คือการวัดระยะห่างจากผิวงานด้านหนึ่งกับผิวงานอีกด้านหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่การกำหนดจุดควบคุมจะระบุเพียงตำแหน่งเดียว โดยอาจไม่ได้กำหนดจุดวัดครอบคลุมผิวงาน
  • สัญลักษณ์ “R” ที่กำหนดในแบบงาน ส่วนใหญ่ที่พูดถึงกันคือ การหารัศมี แต่ในความหมายของรัศมีในแบบงานนั้น คือ “R” ที่ต้องมีจุดอ้างอิงในการวัดระยะห่างด้วย 1 จุด  (สัญลักษณ์ “R” ที่ไม่มีจุดอ้างอิงนั้นคือ Fillet (ค่าของส่วนโค้งนั้น))

แนะนำสำหรับผู้ที่สนใจอยากศึกษาการแปลความหมายสัญลักษณ์ GD&T ,Factor ตัวไหนส่งผลกระทบต่อการวางแผนการวัดด้วย CMM,  เข้าใจขั้นตอนการวัดงานโดย CMM, รู้ความแตกต่างในการแปลความหมายระหว่าง มาตรฐาน ASME and ISO เราขอแนะนำหลักสูตร การวางแผนการตรวจสอบสัญลักษณ์ GD&T ด้วยเครื่องวัด CMM ที่ผู้เรียนจะสามารถทราบถึงกฏเกณฑ์ในการทำงานที่เกี่ยวกับการวัดขนาดเพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้

สรุป

การศึกษาประเภทของขนาด (Dimension Types) และรูปแบบของขนาด (Dimension Characteristics)  มีความสำคัญเพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่แบบงานต้องการให้ควบคุม เมื่อเกิดความเข้าใจแล้วจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนดจุดวัด, วิธีการวัดได้ อีกทั้งการศึกษาประเภทของขนาดและรูปแบบของขนาดเพื่อการออกแบบชิ้นงาน และสามารถคำนึงถึงเครื่องมือวัดที่เรามีอยู่นั้นสามารถรองรับกับสิ่งที่แบบงานกำหนดได้หรือไม่

Scroll to Top